30 ก.ย. 2554
ประวัติโดยละเอียดของนายวันชัย สิริพงศ์เลิศ
ผมชื่อ วันชัย สิริพงศ์เลิศ ผมเป็นลูกคนจีน มีพี่น้อง ๑๐ คน ผมเป็นลูกคนที่ ๙  ตอนเด็กๆผมก็มีชีวิตปกติเหมือนคนทั่วไปเพียงแต่ไม่ค่อยมีโอกาสเล่นเหมือน เด็กทั่วไป เพราะฐานะทางบ้านจน เนื่องด้วยพี่น้องเยอะ ในวัยเด็ก  ผมจะรู้จัััักแต่คำว่า เรียนและทำงาน จนกระทั่งผมเรียนอยู่ชั้น ม. ๒ (อายุ  ๑๕ ปี)จุดเปลี่ยนของชีวิตก็พลิกชะตาชีวิต  โดยเรียนอยู่ดีๆวันหนึ่งใกล้สอบกลางเทมอผมรู้สึกเวียนหัวมากที่สุดในชีวิต  (แบบมองทางใดก็หมุนไปหมด) ลองไปหาหมอที่คลีนิกก็ได้ความว่า  ผมเป็นไข้หวัดใหญ่ ให้น้ำเกลือไป ๑ ขวด  แต่พอต่อมาผมแข็งใจไปสอบจนเสร็จวันสุดท้าย กลับมาสลบเลย  ตกลงผมต้องเข้าโรงพยาบาลเอ็กสเรย์สมอง ถึงรู้ว่าเป็นฝีในสมอง  (ช่วงหลังหมอบอกเชื้อไวรัสลงสมอง) ตอนนั้นผมเกือบตายสลบไป ๑๔ วัน  ผอมจนเหลือแต่กระดูก  (ใครมาเยี่ยมก็แอบร้องไห้คิดว่าตายแน่นอน)แล้วปาฏิหาริย์ก็มีจริง  หมอมากระซิบข้างหูว่าจะใส่สายอาหารในจมูกลงกระเพาะ ทำให้ตื่นขึ้นมา  แต่ผมขยับไม่ได้เลยได้แค่กระพริบตากับขยับปากเสียงเบามากๆ  ยิ่งนานวันก็เหมือนเดิม การทรงตัวผมเสียไป ร่างกายจะสั่นเล็กน้อย  การพูดก็ช้าเสียงก็เปลี่ยนไปจากเดิม  ทำอะไรก็ช้ากว่าเดิม ในที่สุดก็มาทำกายภาพบำบัด ช่วงชีวิตวัยรุ่นผมหายไปเลย  เพื่อนๆที่สนิทมีคนเดียวก็หายไป  เพราะผมเพิ่งย้ายโรงเรียนและไม่ค่อยสุงสิงกับใครมากนัก แผนการของชีวิต  พังหมดเลย เพราะวางแผนจะไปเรียนต่อ อเมริกา (พี่ชายไปที่นั่นแล้ว)  ผมนอนอยู่โรงพยาบาลสามเดือน  ผมร้องไห้ทุกวัน เวลาแม่กลับบ้านเพราะผมอยู่ห้องรวม ขอหมอกลับบ้าน  ในที่สุดหมอก็ให้กลับบ้าน ผมดีใจมาก แม่ผมต้องพยุงขึ้นแท็กซี่กลับบ้าน  แม่ผมทำทุกวิธีทางที่จะทำให้หาย ทั้ง ไปหาเจ้า ฝังเข็ม กินยาหม้อ  นอนเตียงแม่เหล็ก แตไม่ดีขึ้น  ไม่เหมือนกายภาพเองผมใช้เวลาเกือบสิบปีจากยืนไม่ได้  จนสามารถเดินได้เองโดยไม่ต้องใช้ไม้เท้า  แล้วผมก็เริ่มเรียนรู้เองในสิ่งใหม่  ตอนนั้นทางบ้านผมพอรู้ว่ารักษายังไงก็ไม่หายก็เริ่มหยุดและหมดหวังในตัวผมละก็ ไม่ค่อยใส่ใจในทุกด้าน คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของตัวผมละ  ผมรู้ว่าแถวสถานีรถไฟหัวลำโพงมีที่เรียน กศน.  ผมจึงเดินไปหาเองจนได้เจอเจ้าหน้าที่บ้านพักแรงงานเด็ก  ผมเดินไปมาระหว่างบ้านและหัวลำโพงจนผมเรียนจนจบ ม.๓  ระหว่างนั้นก็พยายามเสาะหาที่เรียนคอมพิวเตอร์ จนเจอ ๒ แห่ง  มูลนิธิส่งเสริมและพัฒนาคนพิการกับโรงเรียนอาชีวะ พระมหาไถ่ที่ พัทยา  ผมไปสอบคนเดียวทั้ง ๒ แห่งเลยแต่มาได้ที่แรกก่อนหลักสูตรคอมพิวเตอร์ธุรกิจ  เรียนระยะสั้น ๖ เดือน ไปอยู่ประจำ โดยอยู่บ้านเช่าใกล้ที่เรียน  จนเรียนจบไม่มีงานทำ ก็เลยรวบรวมเพื่อนไปสอบที่ มหาไถ่ พัทยา ๔ คน สอบติด ๒  คน ก็ไปอยู่ประจำ ๒ ปีครึ่ง ผมเรียน  ปวช.กศน.ควบคู่ไปด้วยเพราะอาจารย์เขาบอกฟังดูดีกว่า ใช้เวลาเรียนไป ๓ ปี  จนจบหวังจะได้ทำงานก็ไม่มีงานให้ทำ ผมก็ไปสมัครตามที่ต่างๆอีก ๑๐ กว่าแห่ง  เขาให้ผมเขียนใบสมัครแต่ไม่มีที่ไหนเรียกเลยสักแห่ง จนท้อมาก  ไม่เข้าใจว่าทำไมการที่เราเรียนคอมพิวเตอร์เพื่อนำมาใช้ประกอบวิชาชีพเพราะ เหตุใดจึงไม่มีคนรับเข้าทำงาน หรือต้องการให้คนพิการขอทานเท่านั้น เฮ้อ งง จริงๆ ตอนนั้นท้อแท้มาก อายุก็เพิ่มมากขึ้น เคลื่อนไหวช้า  จนเด๋วนี้ต้องใช้ไม้เทัา อยู่แต่ในบ้าน  จนวันหนึ่งได้มีเพื่อนมาชวนให้ไปร่วมประชุมกลุ่ม เพื่อน ๒๐๐๐  ซึ่งเป็นกลุ่มคนพิการที่ทำงานด้านคนพิการเกี่ยวกับสิทธิ์ด้านสังคม  ทางกลุ่มก็เห็นความสามารถจึงให้ผมร่วมทำงาน  และนอกจากนี้ผมยังได้เข้าร่วมเป็นทีมงาน ศูนย์การดำรงชีวิตอิสระของคนพิการ  กรุงเทพมหานคร ในเวลาต่อมาด้วย ซึ่งตอนนี้ผมยังทำงานด้านนี้อยู่  ซึ่งงานทั้ง ๒ แห่งที่ผมทำนี้เป็นงานอาสาสมัคร ไม่มีค่าแรงมีแต่ค่ารถ  ผมไปไหนคนเดียวทุกที่เพราะเพื่อนส่วนใหญ่นั่งรถเข็นและอยู่ไกล
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)
 
 
